มาหม่ำสตอรว์เบอร์รี่ กัน!
อิจิโกะ หรือ สตอรว์เบอร์รี่ ผลไม้ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว หอม จะทานสดๆ ปั่นเป็นน้ำผลไม้ จิ้มเกลือ หรือนำไปทำเป็นไอศกรีม ก็อร่อย บ้านเราเองก็สามารถปลูกสตอรว์เบอร์รี่ ได้หลายต่อหลายจังหวัดทางภาคเหนือครับ มีสวนให้เข้าไปเด็ดทานได้ สตอรว์เบอร์รี่พันธุ์อร่อยๆ ก็มีอย่างเช่น พันธุ์ 80 โครงการหลวง ที่มีรสชาติ หวานอมเปรี้ยว ฉ่ำอร่อย แต่ยังไง วันนี้ Gozzo จะพาไปรู้จักกับ สตอรว์เบอร์รี่ญี่ปุ่น หลากหลายสายพันธุ์ และความอร่อยของสตอรว์เบอร์รี่ ญี่ปุ่นนั้น บางสายพันธุ์ถือเป็นสุดยอดสตรอว์เบอร์รี่ทีเดียวครับ ลองไปติดตามกันดู ความอร่อยในอดีตกาล แม้ว่าจะไม่สามารถระบุได้ว่าสตอรว์เบอร์รี่ เข้ามาในญี่ปุ่นเริ่มแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ เชื่อว่าน่าจะเก่าแก่กว่าตัวยาที่ระบุในตำราฮอนโซว์วะเมียว (ตำรายาญี่ปุ่น) ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 918 และตำราวะเมียวรุยจูโจว์ ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 934 โดยในตำราเก่าแก่อย่าง นิฮอนโชกิ ได้มีการระบุถึง อิจิบิโกะ ในตำราชินเซนจิเคียว ก็มีการพูดถึงอิจิโกะเช่นกัน จากตำราฮอนโซว์วะเมียว มีการระบุว่า อิจิโกะ หรือสตอรว์เบอร์รี่ ป่า พื้นเมืองของฮอลแลนด์ เดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ผ่านมายังประเทศจีน และมาสู่ญี่ปุ่น และในยุคสมัยเอโดะ สตรอว์เบอร์รี่ ก็เข้ามาญี่ปุ่นจากประเทศฝรั่งเศส และถูกพัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แหล่งสตรอว์เบอร์รี่ ในญี่ปุ่น
ที่ญี่ปุ่นนั้น สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้แทบทุกแห่ง แต่แหล่งที่ปลูกมากที่สุดคือจังหวัดโทชิกิ มีผลผลิตในปี พ.ศ.2556 สูงถึง 29,300 ตัน คิดเป็น 16.53% ของทั้งหมด ในขณะที่รองลงมาคือจังหวัดฟุกุโอกะ 18,900 ตัน คิดเป็น 10.66% จังหวัดที่มีสตอรว์เบอร์รี่ที่โด่งดังระดับประเทศอีกแห่งคือจังหวัดชิสุโอกะ อยู่อันดับ 5 ของญี่ปุ่น ผลิตสตรอว์เบอร์รี่ได้ถึง 11,200 ตัน คิดเป็น 6.32%
(คลิกเพื่อขยายชมภาพขนาดใหญ่)
สายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่
ที่จังหวัดโทชิกินั้นจำหน่ายสตรอว์เบอร์รี่มากที่สุด และก็มีสตอรว์เบอร์รี่พันธุ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างพันธุ์ นีโบว์ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่และมีรสชาติที่ได้รับความนิยมพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีมาจำหน่ายในบ้านเราด้วยนะครับ แต่ทว่าปัจจุบัน พันธุ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดของจังหวัดโทชิกิ คือพันธุ์โทชิโอโตเมะ พัฒนาสายพันธุ์ในปี 1996 มีขนาดใหญ่มากน้ำหนักต่อผลมากสุดถึง 15 กรัม เป็นสายพันธุ์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในญี่ปุ่น สาเหตุที่พันธุ์ นีโบ ได้รับความนิยมน้อยกว่าเพราะความหวานน้อย และมีเมล็ดที่เปลือกขนาดใหญ่ ในขณะที่พันธุ์โทชิโอโตเมะนั้นมีการพัฒนาให้หวานมากขึ้น และมีเมล็ดเล็กกว่า รวมถึงน้ำก็ฉ่ำกว่าด้วย
ภาพสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์โทชิโอโตเมะ (ภาพจากเว็บไซต์จังหวัดโทชิกิ)
สตอรว์เบอร์รี่สายพันธุ์นีโบ ที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
สายพันธุ์หนึ่งทีไม่พูดถึงไม่ได้คือสายพันธุ์ อามะโอะอุ หรือ อาเม่า ซึ่งปลูกในจังหวัดฟุกุโอกะ สายพันธุ์นี้มีความโดดเด่นที่รสชาติ และความใหญ่ ต้องบอกว่าเป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ได้เสียงชื่นชมครบทุกด้านทั้งสีสันคือ “อากาอิ หรือ สีแดงสด” รูปร่างคือ “มารุอิ หรือ กลม” ขนาดคือ “โอคี่ หรือ ใหญ่” โดยมีการยืนยันว่า อาเม่านั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่าขนาดเฉลี่ยของสตรอว์เบอร์รี่ อื่นๆถึง 1.2 เท่าและสุดท้ายคือ “อุไม หรืออร่อย” ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งยืนยันความสุดยอดของ อาเม่า เป็นอย่างดี และก็ได้รับการขนาดนามว่าเป็น “ราชาแห่งสตอรว์เบอรี่รสหวาน” เลยทีเดียว
สตรอว์เบอร์รี่ อาเม่า ที่ขายในประเทศไทยครับ รสชาติอร่อยมาก
นอกเหนือจากสองสายพันธุ์ที่ว่าแล้ว ยังมีอีกสองสายพันธุ์ที่อยากแนะนำ หนึ่งนั่นคือ ฮิโนะจิโกกุ สายพันธุ์ชื่อดังของจังหวัดคุมาโมโตะ เป็นสายพันธุ์ที่มีความหวาน เปรี้ยวน้อยและขนาดใหญ่เช่นกัน จุดเด่นคือความกรอบ และความฉ่ำ ที่เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อีกสายพันธุ์ที่จะแนะนำคือ เบนิฮปเปะ สายพันธุ์ชื่อดังของจังหวัดชิสุโอกะ สตอรว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้ มีความโดดเด่นตรง “สีแดง” ซึ่งแดงสดใสจนได้ชื่อว่า เบนิฮปเปะ นั่นเองล่ะครับ ส่วนรสชาตินั้น ต้องบอกว่า เบนิฮปเปะ จะแตกต่างจากอาเม่า และฮิโนะจิโกกุ ตรงที่จะหวานมากแต่ก็มีรสเปรี้ยวแฝงอยู่ ทำให้รสชาติของเบนิฮปเปะ จะใกล้เคียงกับสตรอว์เบอร์รี่บ้านเรา แต่ต่างตรงที่จะรสจัด หวานและเปรี้ยวเข้มจัดกว่า ถ้าใครชอบรสเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ สายพันธุ์นี้ถือเป็นสายพันธุ์ที่ต้องแนะนำเลยครับ ส่วนตัวแล้วผมก็ชอบสตอรว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้มากที่สุด (จากตอนที่เดินทางไปพร้อมกับ JRO และชิมมาหลายแพ็คเมื่อปีก่อน)
ภาพจากตลาดกลางคานาซาว่า มีการนำสตรอว์เบอร์รี่หลากหลายสายพันธุ์เข้ามาจำหน่าย ที่เห็นคือพันธุ์เบนิฮปเปะ
ภาพแพ็คของสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์เบนิฮปเปะ
สายพันธุ์สุดท้ายที่อยากแนะนำ (แต่ไม่เคยทานเอง) คือสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า ฮะสึโค่ยโนะคาโอริ ของจังหวัดยามานาชิ ฮะสึโค่ยโนะคาโอริ แปลแบบตรงๆ ว่า กลิ่นแห่งรักแรก เหตุผลที่สตรอว์เบอรี่ชนิดนี้มีชื่อแบบนี้ ก็เพราะสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้จะมีสีขาวอมชมพู แม้ว่าจะสุกดีแล้วก็ตาม จะมีบางลูกที่เป็นสีแดง จึงมีการจัดกล่องเป็นสีแดงสลับขาวสวยงามทีเดียว สำหรับรสชาตินั้นจะออกหวานมากกว่าเปรี้ยว แต่เก็บไว้ไม่ได้นาน ควรจะทานตั้งแต่ตอนซื้อเลยครับ
สตรอว์เบอร์รี่สีขาว สวยงามมากๆ
เรียงใส่กล่องเป็นสีแดงและสีขาวสลับกัน (ภาพจากเว็บไซต์ http://www.maff.go.jp)
คุณประโยชน์ของสตรอว์เบอรี่ แน่นอนครับ พื้นฐานของสตรอว์เบอร์รี่นั้น ถือว่ามีวิตามิน C ที่สูง แน่นอนว่าดีต่อสุขภาพผิวของสาวๆ มากครับ ที่สำคัญคือ ในสตรอว์เบอร์รี่นั้น สีแดงสดทำให้มี แอนโธไซนานิน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ชะลอการอุดตันและแข็งตัวของหลอดเลือดหัวใจ ถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก สตรอว์เบอร์รี่ นอกจากทานสดแล้ว ยังนำไปปรุงเป็นขนม หรือแยมได้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่นิยมนำไปใช้ประกอบขนมต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ต้องเล่าน่าจะทราบกันดีครับว่ามีเยอะมากจริงๆ
ประเทศไทยนำเข้าสตรอว์เบอร์รี่จากญี่ปุ่นเป็นอันดับ 4 ของโลก!
ขึ้นหัวแบบนี้หลายคนอาจจะตกใจว่าบ้านเรากินสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นหลายตันกันเลยหรือ จริงๆ แล้วเรากินสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นในปีที่แล้ว (ค.ศ.2012) แค่ 217 กิโลกรัมเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เราได้ถึงอันดับ 4 ทีเดียว โดยจากข้อมูลการส่งออกสตรอว์เบอร์รี่ของญี่ปุ่นนั้น ฮ่องกงสั่งสตรอว์เบอร์รี่จากญี่ปุ่นถึง 73.8 ตัน รองลงมาคือไต้หวัน ที่มีการนำเข้าสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่น 20 ตัน โดยมีสิงค์โปรเป็นประเทศอันดับที่ 3 มียอดการสั่งที่ 714 กิโลกรัมครับ ที่ 4 ก็คือไทยนั่นแหละครับ 217 กิโลกรัม แต่แม้ว่าญี่ปุ่นจะส่งออกสตรอว์เบอร์รี่ แต่พวกเขาก็นำเข้าสตรอว์เบอร์รี่จากต่างประเทศจำนวนมากกว่า โดยนำเข้าสตรอว์เบอร์รี่จากอเมริกาถึง 3,338 ตัน จากเกาหลี 156 ตัน เม็กซิโก 14.6 ตัน และนิวซีแลนด์ 312 กิโลกรัม
[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]